วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555



วันครู


ความหมายของครู 

          ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ

ความสำคัญของครู 

          ในชีวิตของคนเราถือว่า บิดามารดา เป็นผู้มีพระคุณอันสูงสุด เพราะท่านเป็นผู้ให้ชีวิต ให้ความรัก ให้ความเมตตา มีความห่วงใย และเสียสละเพื่อลูก นอกจาก บิดามารดา แล้ว ก็มีครูเป็นผู้มีพระคุณคล้าย บิดามารดา คือ เป็นผู้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ รวมทั้งให้ความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ทุกคน นับได้ว่าครูเป็นผู้เสียสละที่ไม่แพ้บุพการี

          ครูจึงนับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก ในการให้การศึกษาเรียนรู้ ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ ตลอดเป็นผู้มีความเสียสละ ดูแลเอาใจใส่ สั่งสอนอบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา อันเป็นหนทางแห่งการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง รวมทั้งนำพาสังคมประเทศชาติ ก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ฉะนั้นวันที่ 6 ตุลาคม จึงได้เป็นวันครูสากล เพื่อคนที่เป็นครูทั่วโลกที่เสียสละนำพาเราทุก ๆคน ไปถึงฝั่งฝันนั่นเอง


วันครู

ประวัติความเป็นมา

          วันครู ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภา เป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครู และครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้ และความสามัคคีของครู

          ทุกปีคุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา เป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา

          พ.ศ.2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป.พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า

          "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า วันครู ควรมีสักวันหนนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อวันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง" 

          จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ให้มีวันครูเพี่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพจารย์ ส่งเสริมความสามัคคีธรรมระหว่างครูและพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน

          คณะมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น วันครู โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2488 เป็น วันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว

          งานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญ คือ หนังประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ 
 

วันครู

บทสวดเคารพครู

          (สวดนำ) ปาเจราจริยาโหนฺติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกา

          ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ

(สวดทำนองสรภัญญะ) 

          (สวดนำ) อนึ่งข้าคำนับน้อม (รับพร้อมกัน) ต่อพระครูผู้การุณย์

          โอบเอื้อและเจือจุน อนุศาสน์ทุกสิ่งสรรพ์

          ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน

          ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอรรถให้ชัดเจน

          จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน

          เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม

          ขจัดเขลาบรรเทาโม หะจิตมืดที่งุนงม

          กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ

          คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร

          ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชม

          (กราบ)

การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันครู
 
          เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาท และหน้าที่ของครู ตลอดจนจรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีครู และบทบาทหน้าที่ของศิษย์ที่พึงปฏิบัติต่อครู คลอดจนการจัดกิจรรมได้เหมาะสม และมีประสิทธภาพ

กิจกรรมวันครู

          การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลาในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

          1. กิจกรรมทางศาสนา

          2. พิธีรำลึกพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตนการกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์

          3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬา หรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น 
 
          
          ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วย บุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับ ส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอ 

          รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยคุรุสภา คณะกรรมการการจัดงานวันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์จำนวน 1,000 รูป

          หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีกล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์

          จากนั้นประธานจัดงาน วันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบ 1 นาที เพื่อรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อด้วยครูอาวุโสในประจำการ ผู้นำร่วมประชุมกล่าวปฏิญาณ

 คำปฏิญาณตนของครู

          ข้อ 1 ข้าจะบำเพ็ญตน ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู

          ข้อ 2 ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ

          ข้อ 3 ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครู และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม

          จากนั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคล แล้วต่อด้วยนายกรัฐมนตรี มอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอก และในประจำการ สุดท้ายกล่าวปราศรัยกับคณะครูที่มาประชุม
ข้าจะบำเพ็ญตน ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู  ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ  ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครู และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม

มารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู           1. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

          2. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น

          3. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตน ให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้

          4. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู

          5. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา

          6. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ

          7. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตน

          8. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ

          9. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา

          10. รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน
 
รายชื่อประเทศที่มี วันครู

ประเทศที่มี วันครู ที่ไม่ใช่วันหยุด

          - อินเดีย วันครูตรงกับวันที่ 5 กันยายน
          - มาเลเซีย วันครูตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคม
          - ตุรกี วันครูตรงกับวันที่ 24 พฤศจิกายน

ประเทศที่มี วันครู เป็นวันหยุด

          - แอลเบเนีย วันครูตรงกับวันที่ 7 มีนาคม
          - จีน วันครูตรงกับวันที่ 10 กันยายน
          - สาธารณรัฐเช็ก วันครูตรงกับวันที่ 28 มีนาคม
          - อิหร่าน วันครูตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม
          - ละตินอเมริกา วันครูตรงกับวันที่ 11 กันยายน
          - โปแลนด์ วันครูตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม
          - รัสเซีย วันครูตรงกับวันที่ 5 ตุลาคม
          - สิงคโปร์ วันครูตรงกับวันที่ 1 กันยายน
          - สโลวีเนีย วันครูตรงกับวันที่ 28 มีนาคม
          - เกาหลีใต้ วันครูตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม
          - ไต้หวัน วันครูตรงกับวันที่ 28 กันยายน
          - ไทย วันครูตรงกับวันที่ 16 มกราคม
          - สหรัฐอเมริกา วันอังคารในสัปดาห์แรกที่เต็ม 7 วันในเดือนพฤษภาคม
          - เวียดนาม วันครูตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายน 

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สิ่งที่น่าจะทำน้อย(แต่ให้ผลมาก)ที่ควรจะทำในชีวิต


1.หนังสือถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ อย่างนึง เพราะว่า ได้รวบรวมประสบการณ์และกลั่นกรองความรู้มาแล้ว ซึ่งผู้ซื้อสามารถนำมาอ่านและนำมาใช้ได้เลย ไม่ต้องไปลองผิดลองถูก (หรืออย่างน้อยก็ทำให้มีความรู้พื้นฐานบ้างแหล่ะ) เช่นหนังสือลงทุนหุ้น หนังสือประสบการณ์การทำงาน ต่างๆ เป็นต้น
2.การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะมีคำกล่าวว่า “รู้อะไร รู้กระจ่าง เพียงอย่างเดียว  แต่ให้เชี่ยวชาญเถิด จะเกิดผม”หากรู้อะไรจริงๆ เก่งจริงๆเพียงอย่างนึง ก็สามารถทำประโยชน์จากมันได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ  เช่นการลงทุนในหุ้น ผมพูดหลักการคร่าวๆนะครับไม่ลงรายละเอียด (ที่จริงผมก็ไม่ได้เก่งหรอกนะ 555) การลงทุนในหุ้น หากเล่นแบบนักลงทุน (ให้คิดเหมือนเหมือนกับเพื่อนชวนเราไปลงทุนเปิดร้านเกมส์ เปิดร้านอาหารลานเบียร์) อย่าไปคิดลงทุนหุ้นแบบนักเก็งกำไร อันนี้เสี่ยง ผมไม่นับนะ    เข้าเรื่องต่อ….การลงทุนหุ้นแบบนักลงทุน ถ้ามีทุนทรัพย์จำนวนหนึ่งแล้วคุณเก่งจริง คุณจะสามารถทำกำไรจากมันได้ปีละ 10-20%อย่างไม่ยากเลย (จริงๆนะ) บนสมมติฐานที่ว่าการลงทุนค่อนข้างปลอดภัยนะ (มีกฎ cut lossชัดเจน) สรุปคือการลงทุนหุ้น หากคุณรู้จริงเรื่องนี้เรื่องเดียวคุณทำเงินได้มาหาศาลอย่างที่อยากได้ โดยคุณแทบไม่ต้องลงแรงมากนัก แต่ลงทุนสมองในตอนแรก (เยอะสุดๆๆ ) แต่หากคุณเก่งแล้ว คุณก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายจริงๆนะ เวลาว่างก็จะเยอะ มีเวลาทำอย่างอื่นมากมาย
3.ถ้าคุณพอมีตังค์แล้ว บางเรื่องให้ใช้เงินทำงานบ้าง อย่าลงมือทำด้วยตนเอง    คนเรามีเวลา 24 ชม.ทุกคน  และเราก็มีอะไรที่เราอยากทำมากมาย  งานบางอย่างจุกจิกเกินไปและเราไม่อยากทำ ก็จ้างคนทำมันซะเลย เราจะเสียเงินไป แต่แลกกับเวลาที่เราไปทำอะไรอย่างที่ต้องการได้ (แม้แต่เพิ่มเวลานอน)   งานที่ว่าก็มีเช่น   งานบ้านบางอย่าง   งานที่ทำงานบางอย่างเช่นพิมพ์เอกสารเยอะๆ   ถ้าเป็นเอกสารไม่ความลับก็จ้างเด็กมันพิมพ์ดีกว่า เอาเวลาไปดูหนังดีกว่า
4. อย่าลืมออกกำลังกาย  อันนี้ผมมองสำคัญทีเดียว ตามคำกล่าวที่ว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภแสนอร่อย” เอ๊ย..ม่ายช่าย  “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ”  เพราะผมอยากใช้ชีวิต ที่ร่างกายสมบูรณ์ ใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้เป็นสุข บางทีคนทำงานหนัก จนแก่ สุขภาพโทรมเพราะไมได้ออกกำลังกาย พออายุเยอะก็ไม่สามารถเที่ยวได้ ชีวิตต้องเข้าออกโรงพยาบาล  การใช้ชีวิตแบบนี้สำหรับผมถือว่าไม่เวิร์คเลย   ผมเลยต้องออกกำลังกายบ้าง การออกกำลังกายที่ง่ายคือ การเดินเร็ว (เดินไปจนรู้สึกว่า ถ้าพูดไปด้วยแล้วพูดลำบากหายใจลำบาก) เพราะจะลดไขมันได้ บำรุงเลือด เส้นเลือด และสุขภาพโดยรวมได้  แต่ถ้าหนุ่มสาว ก็วิ่งจ๊อกกิ้งก็ดีมาก  ว่ายน้ำก็ดีมาก  แต่เท่าที่ศึกษามา การเล่นฟุตบอลไม่ดีเท่าไหร่สำหรับคนอายุเยอะเพราะมันกระแทก เทนนิสก็ไม่ค่อยดีนักนะ  ลองนึกดูหากคุณมีอายุ 60 แล้วยังวิ่งจ็อกกิ้งได้ เดินเร็วได้ โรคภัยไข้เจ็บน้อย คุณจะมีเวลาทำอะไรได้อีกมากมาย
5.ถ้าเป็นไปได้นะ   ละเว้นสิ่งที่ทำแล้ว “ไม่เกิดประโยชน์ และไม่มีความสุข”  อย่างผมนี่ เมื่อก่อนชอบดูบอล  แต่พอคิดมาคิดไป เราดูแล้วได้อะไรฟะ พอมันแพ้แล้วไงล่ะ  พอมันชนะแล้วไงล่ะ  มันไม่ได้มีผลอะไรกับผมเลยซักนิดเดียว (นั่นแน่ ถ้ามีผลต่อคุณ…แสดงว่าคุณไปแทงบอลไว้อ่ะดิ่ ยังไงการพนันก็เป็นสิ่งต้องห้ามในชีวิต อันนี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้เพราะมีเท่าไหร่หมดเท่านั้นประสบการณ์เรื่องนี้หลายอย่างสอนผมมาแล้ว)  แล้วผมจะไปดูบอลทำไมฟระ คิดได้ดังนั้นก็เลยเลิกดูบอลจากนั้นมา  นอกจากบิ๊กแมทจริงๆก็จะดูเช่นบอลรอบชิงของถ้วยต่างๆ
แต่สิ่งที่ทำแล้ว “ไม่เกิดประโยชน์แต่มีความสุข” ก็อาจจะทำต่อไปแล้วกัน เช่นผมชอบเล่นเกมส์ ชอบดูหนัง (ที่จริงมันก็พอจะมีประโยชน์เนาะ) หรือดูบอล ถ้าดูแล้วมีความสุข ไม่มีทุกข์มากวนใจก็ดูต่อไปเต๊อะ
ผู้เขียนบทความ: www.kwamru.com สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงที่มา

การใช้ปุ่ม Tab และ Spacebar แทนการใช้เม้าส์ในการท่องอินเตอร์เน็ต


ปกติเวลาทุกคนใช้เน็ท เช่นหน้าล็อกอินอีเมลล์เป็นต้น เวลาคีย์ช่อง username ก็คีย์ไป จากนั้นเลื่อนเม๊าส์มา ที่ช่อง พาสเวิร์ด แล้วคีย์ไป จากนั้นเลื่อนเม๊าส์ แล้วกด enter ใช่ไหมล่ะ
มีวิธีที่ดีกว่านั้น ไม่ต้องขยับเม๊าส์เลย คือลองใช้ปุ่ม tab ดูสิ
ขอยก ตัวอย่างคือ การล็อกอินเข้าใช้ Hotmail.com นะครับ
1. เวลาเปิด hotmail มาแล้วมันก็จะขึ้นให้ใส่ อีเมลล์ ก็ใส่ไป
2. จากที่เคยใช้เม้าส์กดมาทีช่อง “รหัสผ่าน” ก็เปลี่ยนเป็นกดปุ่ม Tab แทน มันจะโผล่ตรงนี้ จากนั้นก็ใส่ password
3. กด Tab เลื่อนมาอีกมันจะมาโผล่ตรง “บันทึกข้อมูลของฉัน” ตรงนี้ก็สามารถ ใช้ spacebar (ปุ่มเคาะเว้นวรรค) ในการติ๊กถูก หรือไม่ติ๊กแทนได้
4. กด Tab เลื่อนไปอีกจะมาโผล่ตรง ปุ่ม “ลงชื่อเข้าใช้” ตรงนี้กด spacebar ได้เลย (แทนกด enter) มันก็จะเข้าอีเมลล์ได้เลย
5. แถม การกด Tab จะเลื่อนไปข้างหน้า ถ้าจะให้ถอยหลังให้กด Shift ค้างไว้แล้วกด Tab
สังเกตว่าไม่ได้ใช้เม๊าส์เลย ซึ่งวิธีการนี้นำไปใช้ได้กับโปรแกรมอื่นๆ และนำไปประยุกต์ใช้ อย่างอื่น กับเว็บอื่นๆด้วยนะ
ผู้เขียนบทความ: www.kwamru.comสามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงที่มา

ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ


อาจารย์คนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ..
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า “มีใครอยากได้บ้างไหม” ทุกคนรีบยกมือ \(^o^”)a
อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น “จบยับยู้ยี่” .. แล้วถามอีกครั้งว่า “มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่” .. ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม .. \(^_^)/
… อาจารย์ถามต่ออีกว่า “ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่” .. นักศึกษาทุกคน ก็ตอบว่ายังอยากได้ …..
อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า ..
“นั้นคือสิ่งมีค่า” ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้! .. ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็ยังคงจะมีราคา 1,000 บาท อยู่เสมอ .. ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน
บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใคร ซ้ำเติม, เหยีบย่ำ, ถูกขยี้, ยับเยิน, ..
เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเอง “ไร้ค่า”
แต่ รู้มั้ย?.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี “คุณค่าของความเป็นคน” ..
ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือว่า ยับยู้ยี่ .. “ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ” จำไว้ ^

กิจกรรมการเรียนการสอน

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2555
วิชา
การจัดโครงการคอมศึกษา  ( อ. กนกวรรณ  กันยะมี )


>>  งานเดี่ยว
       สร้าง  Blog  ส่วนตัว

  • ใส่รูปภาพและประวัติส่วนตัว
  • บันทึกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
  • บันทึกข่าวสารที่น่าสนใจ  หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ
  • บันทึกแง่คิด  หรือข้อคิดดี ๆ  ในการดำเนินชีวิต
  • สร้าง link เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง  โดยให้ใส่ link ของ Blog ของเพื่อนในชั้นเรียนด้วย
  • ชักชวนเพื่อนมาแสดงความคิดเห็นใน Blog ของตนเอง
  • ตกแต่ง Blog ให้สวยงาม  น่าอ่าน  มีความเรียบร้อย

    อาจารย์จะตรวจ Blog วันพุธ  13 มิ.ย  55
>>  งานกลุ่ม
       สร้างสื่อการสอน




วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2555
วิชา
หลักการบริหารการศึกษา  ( ดร. พิมผกา )


>>  งานกลุ่ม
       ศึกษาค้นคว้าและนำเสนอ  เรื่องนิเทศการศึกษา
       

เล็ก ๆ น้อย ๆ

“งานที่ดีคือ งานที่สนุกตอนทำ
และภูมิใจตอนเห็นงานเสร็จ”




“ผู้ไม่มีแผลเป็น คือผู้ไม่มีประสบการณ์”

4 สิ่งในโลก .. ที่เงินซื้อไม่ได้ คือ
“ความรัก” , “เวลา” , “ชีวิต”, และ “มิตรแท้”

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต


28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต เป็นข้อคิดที่เก็บไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่เมื่อเอามาอ่านอีกทีก็พบว่ายังเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่ควรแบ่งปันให้รับรู้โดยทั่วกัน ได้มาจากฟอเวิร์ดเมล์เมื่อนานมาแล้ว ลองอ่านกันดูนะ
1.อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้
2.เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จง เป็นผู้ฟังที่ดีอย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ
3.จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น
4.หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตามทางบ้างเพราะมีอะไรดีๆบางอย่างซ่อนอยู่
5.จะคิดทำการใดจงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย
6.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้
7.จงจำไว้ว่า ข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น
8.เวลาเล่นเกมกับเด็กๆก็ปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ
9.ใครจะวิจารณ์เรายังงัยก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง
10.จงให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”
11.อย่าให้วิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า
12.ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้แต่แรกหรอก
13.ใช้เวลาให้น้อยๆในการคิดว่า”ใครผิด” แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า”อะไร” เป็นสิ่งที่ผิด
14.จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ ” คนโหดร้าย ” แต่กำลังสู้กับ ” ความโหดร้าย ” ในตัวคน
15.โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรามีภาระในการเก็บรักษาความลับ
16.ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่
17.เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก
18.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้
19.มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ
20.อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นต้องเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามว่า ” เป็นไง?” ตอบไปเลยว่า ” สบายมาก”
21.อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน
22.จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว
23.ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น
24.จริงจัง และเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น
25.ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหนในสายตาคนรอบข้าง
26.คำนึงถึงการมีชีวิตให้ ” กว้างขวาง ” มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ” ยืนยาว ”
27.(บางครั้ง) อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม
28.ว่ากันว่ามี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญาและจิตใจของใครๆ ก็ตาม

ครูที่ดี


คนใจแคบเท่านั้น
คิดว่าครูคือแม่พิมพ์
ครูคือผู้ให้คำตอบที่ศิษย์ต้องการ
ครูที่ดีชี้และช่วยให้ศิษย์รู้จักตัวของศิษย์
ความรู้ทางวิชาการทั้งสิ้นนั้น
เป็นเพียงสื่อที่จะนำไปถึงเป้าหมายนี้เท่านั้น
เพื่อการพัฒนาชีวิตของศิษย์แล้ว
ครูไม่ควรข่มขู่และหลอกล่อ
เพื่อให้ศิษย์หวาดกลัวและลุ่มหลง
ตัวครูไม่ใช่ปูชนียบุคคล
ความเป็นปูชนียบุคคลของครู
เกิดอยู่ในการกระทำที่ชอบธรรมของครู
ใช่แต่ศิษย์เท่านั้นที่ต้องเคารพครู
ครูที่ดีก็ต้องเคารพศิษย์ด้วยจริงใจ