1.หนังสือถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ อย่างนึง เพราะว่า ได้รวบรวมประสบการณ์และกลั่นกรองความรู้มาแล้ว ซึ่งผู้ซื้อสามารถนำมาอ่านและนำมาใช้ได้เลย ไม่ต้องไปลองผิดลองถูก (หรืออย่างน้อยก็ทำให้มีความรู้พื้นฐานบ้างแหล่ะ) เช่นหนังสือลงทุนหุ้น หนังสือประสบการณ์การทำงาน ต่างๆ เป็นต้น
2.การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะมีคำกล่าวว่า “รู้อะไร รู้กระจ่าง เพียงอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิด จะเกิดผม”หากรู้อะไรจริงๆ เก่งจริงๆเพียงอย่างนึง ก็สามารถทำประโยชน์จากมันได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นการลงทุนในหุ้น ผมพูดหลักการคร่าวๆนะครับไม่ลงรายละเอียด (ที่จริงผมก็ไม่ได้เก่งหรอกนะ 555) การลงทุนในหุ้น หากเล่นแบบนักลงทุน (ให้คิดเหมือนเหมือนกับเพื่อนชวนเราไปลงทุนเปิดร้านเกมส์ เปิดร้านอาหารลานเบียร์) อย่าไปคิดลงทุนหุ้นแบบนักเก็งกำไร อันนี้เสี่ยง ผมไม่นับนะ เข้าเรื่องต่อ….การลงทุนหุ้นแบบนักลงทุน ถ้ามีทุนทรัพย์จำนวนหนึ่งแล้วคุณเก่งจริง คุณจะสามารถทำกำไรจากมันได้ปีละ 10-20%อย่างไม่ยากเลย (จริงๆนะ) บนสมมติฐานที่ว่าการลงทุนค่อนข้างปลอดภัยนะ (มีกฎ cut lossชัดเจน) สรุปคือการลงทุนหุ้น หากคุณรู้จริงเรื่องนี้เรื่องเดียวคุณทำเงินได้มาหาศาลอย่างที่อยากได้ โดยคุณแทบไม่ต้องลงแรงมากนัก แต่ลงทุนสมองในตอนแรก (เยอะสุดๆๆ ) แต่หากคุณเก่งแล้ว คุณก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายจริงๆนะ เวลาว่างก็จะเยอะ มีเวลาทำอย่างอื่นมากมาย
3.ถ้าคุณพอมีตังค์แล้ว บางเรื่องให้ใช้เงินทำงานบ้าง อย่าลงมือทำด้วยตนเอง คนเรามีเวลา 24 ชม.ทุกคน และเราก็มีอะไรที่เราอยากทำมากมาย งานบางอย่างจุกจิกเกินไปและเราไม่อยากทำ ก็จ้างคนทำมันซะเลย เราจะเสียเงินไป แต่แลกกับเวลาที่เราไปทำอะไรอย่างที่ต้องการได้ (แม้แต่เพิ่มเวลานอน) งานที่ว่าก็มีเช่น งานบ้านบางอย่าง งานที่ทำงานบางอย่างเช่นพิมพ์เอกสารเยอะๆ ถ้าเป็นเอกสารไม่ความลับก็จ้างเด็กมันพิมพ์ดีกว่า เอาเวลาไปดูหนังดีกว่า
4. อย่าลืมออกกำลังกาย อันนี้ผมมองสำคัญทีเดียว ตามคำกล่าวที่ว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภแสนอร่อย” เอ๊ย..ม่ายช่าย “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” เพราะผมอยากใช้ชีวิต ที่ร่างกายสมบูรณ์ ใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้เป็นสุข บางทีคนทำงานหนัก จนแก่ สุขภาพโทรมเพราะไมได้ออกกำลังกาย พออายุเยอะก็ไม่สามารถเที่ยวได้ ชีวิตต้องเข้าออกโรงพยาบาล การใช้ชีวิตแบบนี้สำหรับผมถือว่าไม่เวิร์คเลย ผมเลยต้องออกกำลังกายบ้าง การออกกำลังกายที่ง่ายคือ การเดินเร็ว (เดินไปจนรู้สึกว่า ถ้าพูดไปด้วยแล้วพูดลำบากหายใจลำบาก) เพราะจะลดไขมันได้ บำรุงเลือด เส้นเลือด และสุขภาพโดยรวมได้ แต่ถ้าหนุ่มสาว ก็วิ่งจ๊อกกิ้งก็ดีมาก ว่ายน้ำก็ดีมาก แต่เท่าที่ศึกษามา การเล่นฟุตบอลไม่ดีเท่าไหร่สำหรับคนอายุเยอะเพราะมันกระแทก เทนนิสก็ไม่ค่อยดีนักนะ ลองนึกดูหากคุณมีอายุ 60 แล้วยังวิ่งจ็อกกิ้งได้ เดินเร็วได้ โรคภัยไข้เจ็บน้อย คุณจะมีเวลาทำอะไรได้อีกมากมาย
5.ถ้าเป็นไปได้นะ ละเว้นสิ่งที่ทำแล้ว “ไม่เกิดประโยชน์ และไม่มีความสุข” อย่างผมนี่ เมื่อก่อนชอบดูบอล แต่พอคิดมาคิดไป เราดูแล้วได้อะไรฟะ พอมันแพ้แล้วไงล่ะ พอมันชนะแล้วไงล่ะ มันไม่ได้มีผลอะไรกับผมเลยซักนิดเดียว (นั่นแน่ ถ้ามีผลต่อคุณ…แสดงว่าคุณไปแทงบอลไว้อ่ะดิ่ ยังไงการพนันก็เป็นสิ่งต้องห้ามในชีวิต อันนี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้เพราะมีเท่าไหร่หมดเท่านั้นประสบการณ์เรื่องนี้หลายอย่างสอนผมมาแล้ว) แล้วผมจะไปดูบอลทำไมฟระ คิดได้ดังนั้นก็เลยเลิกดูบอลจากนั้นมา นอกจากบิ๊กแมทจริงๆก็จะดูเช่นบอลรอบชิงของถ้วยต่างๆ
แต่สิ่งที่ทำแล้ว “ไม่เกิดประโยชน์แต่มีความสุข” ก็อาจจะทำต่อไปแล้วกัน เช่นผมชอบเล่นเกมส์ ชอบดูหนัง (ที่จริงมันก็พอจะมีประโยชน์เนาะ) หรือดูบอล ถ้าดูแล้วมีความสุข ไม่มีทุกข์มากวนใจก็ดูต่อไปเต๊อะ
ผู้เขียนบทความ: www.kwamru.com สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น