"ในหลวง" เสด็จพิธีเปิดโครงการชลประทาน ท่ามกลางพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จฯ
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ทหารเรือเครื่องแบบปกติขาวคอพับแขนสั้น เสด็จฯ ยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ซึ่งทางกองทัพเรือจัดถวาย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่ในฉลองพระองค์ชุดสีน้ำเงินเข้ม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพสกนิกรที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู และชูพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมโบกธงพระปรมาภิไธย และธงชาติไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ และเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จฯ
จากนั้น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่มเริงรมย์ ผบ.ทร. กราบบังคมทูลรายงาน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ วังแก้ว เสนาธิการทหารเรือ กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ออกเรือ และทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรเส้นทางการเดินเรือ
ต่อจากนั้นเรือพระที่นั่งอังสนา ออกจากบริเวณท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ไปยังบริเวณเกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเรือพระที่นั่งจะผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ สะพานพระปิ่นเกล้า , สะพานพระราม 8 , สะพานกรุงธนบุรี ,กรมชลประทาน ไปยังสะพานพระราม 7 ผ่านหน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ,สะพานพระราม 5 ,ท่าน้ำนนทบุรี , สะพานพระนั่งเกล้า , วัดเชิงเลน วัดกลางเกร็ด , วัดฉิมพลี แล้ววนซ้ายรอบเกาะเกร็ด ซึ่งมีเจดีย์กลางน้ำเป็นสัญลักษณ์ กลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน
ถัดมาเวลา 19.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม "น้ำสร้างชีวิต" โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงที่ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวในลักษณะไตรวิชั่นฉายไปบนจอวีดิทัศน์ขนาดใหญ่กว้าง 45 เมตร สูง 12 เมตร ที่ติดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเบิกผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดประกอบด้วย จ.นครนายก นครศรีธรรมราช นครพนม พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเปิด 5 โครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม และอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์
จากนั้นเวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ พร้อมทอดพระเนตรวีดิทัศน์บรรยากาศสดจาก 5 จังหวัด ที่ร่วมกันแปรอักษรเป็นคำว่า "ทรงพระเจริญ" เมื่อเสร็จพิธี เรือพระที่นั่งอังสนาแล่นออกจากบริเวณที่ท่าเทียบเรือหน้ากรมชลประทานสามเสน กลับไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ กลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
โครงการที่ 2 ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม เป็นประตูระบายน้ำที่สำคัญที่สุดในประตูระบายน้ำทั้ง 7 แห่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างจากภาพร่างลายพระหัตถ์ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระราชทานแก่ กรมชลประทาน โดยก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2550 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2552 สามารถสนับสนุนพื้นที่การเกษตรใน จ.สกลนครและ จ.นครพนม 165,000 ไร่ และช่วยบรรเทาอุทกภัยในฤดูน้ำหลา
โครงการที่ 4 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก เป็นโครงการเขื่อนเก็บกักน้ำที่ก่อสร้างขึ้นในแม่น้ำแควน้อย ดำเนินการเมื่อพุทธศักราช 2548 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2552 เก็บกักน้ำได้ 939 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 155,100 ไร่ ได้อย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งปี รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาบางส่วน
โครงการที่ 5 เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายก ก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2542 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2547 เก็บกักน้ำได้ 225 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้แก่ราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณตอนล่างของลุ่มน้ำนครนายกเพื่อใช้ทำการเกษตร 185,000 ไร่ ตลอดจนมีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเพื่อการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเขต จ.นครนายก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น